สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ (18 มี.ค.) แต่ยังคงลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่การซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดน้ำมันหลังจากรัสเซียถูกคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 104.70 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 4.2% ในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 107.93 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 4.2% ในสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันได้แรงหนุนหลังรัสเซียเปิดเผยว่า การเจรจาวันที่ 4 กับยูเครน ยังไม่บรรลุข้อตกลงแต่อย่างใด แม้การเจรจาจะมีความคืบหน้าบางส่วนในช่วงต้นสัปดาห์ก็ตาม
ราคาน้ำมันดิบได้แรงหนุนจากความวิตกด้านอุปทานน้ำมันตึงตัว ขณะที่เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย และสต็อกน้ำมันลดลง
ผลผลิตน้ำมันจากกลุ่มโอเปกพลัสที่ต่ำเป้าหมายในเดือนก.พ.ได้ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นด้วย
ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนหลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานเตือนเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดน้ำมัน โดยมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจะส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่นๆ รวม 3 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะลดลงเพียง 1 ล้านบาร์เรล/วัน
การผลิตน้ำมันของสหรัฐยังเป็นไปอย่างจำกัดหลังรัสเซียบุกยูเครน โดยเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนลดลง 3 แท่น เหลือ 524 แท่นในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความวิตกด้านอุปสงค์หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นในจีน และการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านถ่วงตลาดด้วย