ราคาน้ำมันดิบยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุด สัญญาล่วงหน้า WTI ทะลุระดับ 115 ดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะลุ 121 ดอลลาร์ หลังบริษัท Caspian Pipeline Consortium (CPC) ของคาซัคสถาน ระงับการส่งออกน้ำมัน เนื่องจากประสบความเสียหายจากพายุ
ณ เวลา 22.03 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 5.75 ดอลลาร์ หรือ 5.26% สู่ระดับ 115.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) บวก 6.29 ดอลลาร์ หรือ 5.45% สู่ระดับ 121.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า CPC ไม่สามารถส่งออกน้ำมันจากโรงงานที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลดำของรัสเซีย เนื่องจากประสบความเสียหายจากพายุ
ที่ผ่านมา CPC ส่งออกน้ำมันราว 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.2% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก
การส่งออกน้ำมันของ CPC ได้ยุติลงโดยสิ้นเชิงในวันนี้ หลังจากโรงงานขนถ่ายน้ำมัน 2 แห่งที่ทะเลดำได้รับความเสียหายจากพายุ ขณะที่การซ่อมแซมจะต้องใช้เวลาราว 1 เดือนครึ่ง
ส่วนโรงงานแห่งที่ 3 ไม่ได้รับความเสียหาย แต่ก็ไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ในวันนี้ อันเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย
น้ำมันส่วนใหญ่ที่ส่งออกจากท่อส่งน้ำมันของ CPC เป็นของรัสเซีย คาซัคสถาน รวมทั้งน้ำมันของบริษัทอื่นๆ เช่น เชฟรอน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนหลังจากที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้เพื่อยืนยันตัวเลขของ API
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงไร้ความคืบหน้า รวมทั้งการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานเตือนภาวะตึงตัวในตลาดน้ำมัน โดยมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจะส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถส่งออกน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่นๆ รวม 3 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย. ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะลดลงเพียง 1 ล้านบาร์เรล/วัน