สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร (29 มี.ค.) หลังมีรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ชะลอตัว หลังจากจีนล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 104.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 2.25 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 110.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง ท่ามกลางสัญญาณบวกเกี่ยวกับการเจรจาข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยนายเมฟลุต คาวูโซกลู รมว.ต่างประเทศตุรกี กล่าวว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กรุงอิสตันบูลเมื่อวานนี้ มีความคืบหน้ามากที่สุดนับตั้งแต่ที่ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มการเจรจาเป็นต้นมา
นายคาวูโซกลูยังกล่าวด้วยว่า รมว.รัสเซียและยูเครนจะหารือกันในโอกาสต่อไปเกี่ยวกับประเด็นที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ก่อนที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน จะพบปะกันในที่สุด
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการที่จีนล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการเงินของจีน โดยมาตรการดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกว่าจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของจีน ซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก
นายเจิ้น ไมเคิล ซอง ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (Chinese University of Hong Kong - CUHK) คาดการณ์ว่า การที่จีนล็อกดาวน์เมืองต่าง ๆ นั้น จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจจีนอย่างน้อย 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.1% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
นายเจิ้นยังกล่าวด้วยว่า การล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้เพียงเมืองเดียวอาจจะส่งผลให้ตัวเลข GDP ที่แท้จริงของจีนลดลงถึง 4%
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 มี.ค. รวมทั้งคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล