ราคาน้ำมันดิบยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุด สัญญาล่วงหน้า WTI หลุดระดับ 102 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ใกล้หลุด 107 ดอลลาร์
ณ เวลา 18.39 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 5.86 ดอลลาร์ หรือ 5.43% สู่ระดับ 101.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ลบ 6.45 ดอลลาร์ หรือ 5.69% สู่ระดับ 107.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันทรุดตัวลง หลังทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเตรียมออกแถลงการณ์ในวันนี้เกี่ยวกับแผนการระบายน้ำมันในคลังสำรองเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และบรรเทาภาวะพลังงานขาดแคลนในสหรัฐ หลังรัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนจะเปิดเผยแผนการระบายน้ำมันจำนวน 180 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) โดยจะมีการระบายน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันเป็นเวลา 6 เดือน
มาตรการดังกล่าวมีขึ้น ท่ามกลางคะแนนนิยมที่ตกต่ำเป็นประวัติการณ์ของปธน.ไบเดน ก่อนที่สหรัฐจะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพ.ย.
การระบายน้ำมันจากคลังสำรองดังกล่าวนับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 6 เดือน และเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันนี้ โดยคาดว่าโอเปกพลัสจะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิม โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียงเล็กน้อยสำหรับเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ โอเปกพลัสจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนพ.ค. โดยเป็นการประชุมผ่านระบบออนไลน์ และจะเริ่มขึ้น ณ เวลา 18.30 น.ตามเวลาไทย
ก่อนหน้านี้ โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในทุกเดือน นับตั้งแต่เดือนส.ค.2564 และมีกำหนดทยอยเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกเล็กน้อยสู่ระดับ 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ค.นี้
ทั้งนี้ สหรัฐและหลายชาติที่นำเข้าน้ำมันต่างเรียกร้องให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตให้มากกว่าในระดับปัจจุบัน ขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 139 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบียสนับสนุนให้โอเปกพลัสยึดมั่นตามมติเดิม เนื่องจากไม่ต้องการส่งสัญญาณขัดแย้งกับรัสเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกในโอเปกพลัสเช่นกัน