ราคาน้ำมันดิบทั้ง WTI และเบรนท์พลิกดีดตัวขึ้น หลังจากที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ไม่สามารถหาข้อสรุปในการออกมาตรการสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในขณะนี้
ณ เวลา 22.43 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 0.32 ดอลลาร์ หรือ 0.32% สู่ระดับ 100.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) บวก 0.84 ดอลลาร์ หรือ 0.80% สู่ระดับ 105.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
IEA จัดการประชุมฉุกเฉินในวันนี้เพื่อหารือแนวทางในการสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
อย่างไรก็ดี IEA ไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่จะมีการระบายออกจากคลังสำรองของประเทศสมาชิก รวมทั้งกำหนดเวลาในการดำเนินการดังกล่าว ขณะที่คาดว่า IEA จะทำการหารือต่อไปในสัปดาห์หน้า
ก่อนหน้านี้ IEA เคยมีมติเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ในการระบายน้ำมันจำนวน 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองเพื่อสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในตลาด
ทั้งนี้ IEA ประกอบด้วยสมาชิก 31 ประเทศ โดยสมาชิกรายใหญ่ได้แก่ สหรัฐ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนแถลงวานนี้ว่า สหรัฐจะระบายน้ำมันในคลังสำรองเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และบรรเทาภาวะขาดแคลนพลังงานในสหรัฐ หลังรัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
ทั้งนี้ สหรัฐจะระบายน้ำมันจำนวน 180 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) โดยจะมีการระบายน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันเป็นเวลา 6 เดือน
การระบายน้ำมันจากคลังสำรองดังกล่าวนับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 6 เดือน และครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.