สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันจันทร์ (4 เม.ย.) ท่ามกลางความกังวลที่ว่า ตลาดน้ำมันโลกอาจเผชิญภาวะตึงตัวมากขึ้น หากสหรัฐและยุโรปใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในระดับที่รุนแรง อันเนื่องมาจากการที่ทหารรัสเซียสังหารหมู่ชาวยูเครนในพื้นที่ใกล้กรุงเคียฟ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 4.01 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 103.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.14 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 107.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทางการยูเครนพบร่างผู้เสียชีวิตจำนวน 410 รายในเมืองบูชา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 เม.ย.) หลังจากที่รัสเซียถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าว
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่กองทัพรัสเซียได้สังหารโหดต่อพลเรือนยูเครนในเมืองบูชา ได้ทำให้การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความยากลำบากมากขึ้น
ทางด้านสหรัฐและชาติพันธมิตรซึ่งรวมถึงเยอรมนี อังกฤษ และฝรั่งเศส ต่างก็ส่งสัญญาณว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียในระดับที่รุนแรงขึ้น เพื่อตอบโต้รัสเซียที่สังหารหมู่ชาวยูเครน
ขณะเดียวกันนักลงทุนมีความกังวลต่อภาวะตึงตัวในตลาดน้ำมัน หลังจากที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประสบความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงในการประชุมฉุกเฉินเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อหาแนวทางสกัดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
ทั้งนี้ IEA ไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่จะมีการระบายออกจากคลังสำรองของประเทศสมาชิก รวมทั้งกำหนดเวลาในการดำเนินการดังกล่าว ขณะที่คาดว่า IEA จะทำการหารือต่อไปในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่ยังไม่มีความคืบหน้าในขณะนี้ ซึ่งหากมีการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ก็จะปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด