สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (5 เม.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลที่ว่า การที่จีนขยายมาตรการล็อกดาวน์ในนครเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีนนั้น จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 101.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 89 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 106.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.48% แตะที่ 99.4710 เมื่อคืนนี้ โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ
นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่า ความต้องการใช้น้ำมันอาจชะลอตัวลง หลังจากจีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดของโลกนั้น ประกาศขยายมาตรการล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ซึ่งมีจำนวนประชากรมากถึง 26 ล้านคน
ทั้งนี้ ทางการจีนได้ยกระดับความเข้มงวดด้านการขนส่งในเซี่ยงไฮ้เมื่อวานนี้ (5 เม.ย.) หลังการปูพรมตรวจเชื้อโควิด-19 ทั่วเมืองขนานใหญ่ทำให้พบยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นกว่า 13,000 คน โดยแรกเริ่มนั้น การล็อกดาวน์ในฝั่งเขตตะวันตกของเซี่ยงไฮ้มีกำหนดสิ้นสุดเมื่อวานนี้ แต่ปัจจุบันได้ตัดสินใจขยายเวลาออกไปจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้เรียกร้องให้สหประชาชาติและประชาคมโลกเข้าแทรกแซงเหตุการณ์ความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครน และสอบสวนการสังหารหมู่พลเรือนโดยกองทัพรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการก่ออาชญากรรมสงครามที่โหดร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ทางด้านนักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว