สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (7 เม.ย.) โดยตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากข่าวที่ว่า สำนักงานพลังงานสากล (IEA) จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองเพื่อสกัดราคาน้ำมัน รวมทั้งรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสวนทางการคาดการณ์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 96.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. 2565
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 49 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 100.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 2565
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ หลังจาก IEA มีมติระบายน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลออกจากคลังน้ำมันสำรองของประเทศสมาชิก โดยการระบายน้ำมันดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ IEA เคยมีมติเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ในการระบายน้ำมันจำนวน 60 ล้านบาร์เรลเช่นกัน
ทั้งนี้ IEA ประกอบด้วยสมาชิก 31 ประเทศ โดยสมาชิกรายใหญ่ได้แก่ สหรัฐ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ตลาดยังถูกกดันจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.85 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่า การที่จีนประกาศล็อกดาวน์เมืองต่าง ๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งผลกระทบจากการที่นานาประเทศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย โดยนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย กล่าวว่า การผลิตน้ำมันของรัสเซียอาจลดลง 4-5% ในเดือนนี้ เพราะถูกกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐและพันธมิตร
นายโนวัคยังกล่าวด้วยว่า ธนาคารกลางและกระทรวงการคลังรัสเซียกำลังหารือกันเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไปยังจีน โดยให้จีนชำระเป็นสกุลเงินหยวน