สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (20 เม.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 102.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 106.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 8.0 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐรายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ ราคาน้ำมัน WTI ยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมายในเดือนมี.ค. ขณะที่การผลิตน้ำมันของรัสเซียได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและชาติตะวันตกเพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก โดย IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 3.6% ทั้งในปี 2565 และ 2566 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 4.4% ในปี 2565 และ 3.8% ในปี 2566