สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) หลังมีรายงานว่าสหภาพยุโรป (EU) กำลังพิจารณาระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้ตลาดน้ำมันโลกเผชิญภาวะอุปทานตึงตัวอย่างมาก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 103.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 108.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า เจ้าหน้าที่ EU กำลังร่างมาตรการที่จะห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันจากรัสเซีย โดยประเทศสมาชิก EU จะเจรจาเกี่ยวกับการคว่ำบาตรน้ำมันหลังการเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบสุดท้ายในวันที่ 24 เม.ย.
ก่อนหน้านี้ EU มีมติคว่ำบาตรการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซีย และมีแนวโน้มว่าจะคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียในไม่ช้า ตามการดำเนินการของสหรัฐ แคนาดา และออสเตรเลีย เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียโจมตียูเครน
ด้านนายโมฮัมหมัด บาร์คินโด เลขาธิการกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เตือนว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่มีการบังคับใช้ในปัจจุบัน และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันอย่างรุนแรง และไม่มีทางที่จะทดแทนปริมาณน้ำมันที่ขาดหายไป
ขณะเดียวกันราคาน้ำมันยังพุ่งขึ้นหลังจากบรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียเปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันของบริษัทลดลงกว่า 550,000 บาร์เรล/วัน เนื่องจากมีการปิดล้อมบ่อน้ำมันและสถานีส่งออกน้ำมัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันต่ำกว่าเป้าหมายในเดือนมี.ค. ขณะที่การผลิตน้ำมันของรัสเซียได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและชาติตะวันตกเพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน