สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (5 พ.ค.) โดยตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวมากขึ้น หลังสหภาพยุโรป (EU) ส่งสัญญาณเตรียมคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 45 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 108.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 110.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยบวกจากการที่นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป EU) เสนอให้ประเทศสมาชิก EU ระงับการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียภายในเวลา 6 เดือน และระงับนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซียภายในสิ้นปีนี้ เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
สำหรับมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียในครั้งนี้ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกทั้ง 27 ประเทศของ EU ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุน หลังจากที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการกำหนดนโยบายการผลิตสำหรับเดือนมิ.ย. โดยจะยังคงเพิ่มกำลังการผลิต 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย. ซึงไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ โอเปกพลัสมีมติดังกล่าว แม้ว่าสหรัฐและหลายชาติที่นำเข้าน้ำมันต่างเรียกร้องให้โอเปกพลัสเพิ่มการผลิตให้มากขึ้นกว่าในระดับปัจจุบัน หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 139 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนมี.ค. ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการทรุดตัวลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐ ได้สกัดแรงบวกของราคาน้ำมันในระหว่างวัน โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 1,000 จุด และดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้น 1.14% แตะที่ 103.7540 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75% ในการประชุมเดือนมิ.ย. แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากขนาดนั้นก็ตาม