สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (12 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันทั่วโลกจะเผชิญภาวะตึงตัวหลังจากยูเครนปิดเส้นทางหลักในการขนส่งก๊าซไปยังยุโรป อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่จีนล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้เป็นเวลานาน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 106.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 6 เซนต์ หรือ 0.05% ปิดที่ 107.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากการที่สหภาพยุโรป (EU) เตรียมบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย รวมทั้งการที่ยูเครนปิดท่อส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรป
ทั้งนี้ ยูเครนได้ปิดเส้นทางหลักในการขนส่งก๊าซไปยังยุโรป โดยระบุว่าถูกแทรกแซงจากกองกำลังรัสเซีย ส่งผลให้การส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปมีปริมาณลดลงราว 1 ใน 4 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา และถือเป็นครั้งแรกที่การส่งก๊าซได้หยุดชะงักลงนับตั้งแต่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
นอกจากนี้ มีรายงานว่า รัสเซียจะระงับการส่งก๊าซให้แก่ฟินแลนด์ในวันนี้ (13 พ.ค.) เพื่อตอบโต้ต่อการที่ฟินแลนด์เตรียมเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ซึ่งรัสเซียมองว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคง
อย่างไรก็ดี ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่จีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก ยังคงล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้และพื้นที่บางส่วนในกรุงปักกิ่งนั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO เรียกร้องให้จีนทบทวนนโยบายโควิดเป็นศูนย์ โดยระบุว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่มีความยั่งยืน และเศรษฐกิจของจีนกำลังได้รับผลกระทบ