ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) มีมติระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของรัสเซียในการทำสงครามยูเครน
ณ เวลา 06.27 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 2.33 ดอลลาร์ หรือ 2.02% แตะที่ระดับ 117.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรปเปิดเผยว่า ผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) มีมติระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 โดยมีเป้าหมายเพื่อตัดแหล่งการเงินขนาดใหญ่ที่รัสเซียใช้เป็นเครื่องมือในการทำสงคราม
นอกจากนี้ ผู้นำ EU ได้ลงมติเห็นชอบให้ตัดธนาคารสเบอร์แบงก์ (Sberbank) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ออกจากระบบธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศ (SWIFT), ระงับการดำเนินงานของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของรัฐบาลรัสเซียอีก 3 แห่ง และคว่ำบาตรบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสงครามในยูเครน
การลงมติดังกล่าวมีขึ้นในวันจันทร์ (30 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยเงื่อนไขภายใต้มติดังกล่าวระบุว่า รัสเซียยังสามารถขนส่งน้ำมันผ่านทางท่อส่ง Druzhba ให้กับฮังการี, สาธารณรัฐเชก และสโลวาเกีย ซึ่งประเทศเหล่านี้ได้รับการยกเว้นจากมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียในครั้งนี้
ทั้งนี้ การเจรจาเกี่ยวกับการระงับนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียใช้เวลานานเกือบ 1 เดือน เนื่องจากสมาชิกบางประเทศของ EU ซึ่งรวมถึงฮังการีพยายามชะลอการออกมาตรการดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า การระงับนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากฮังการีไม่สามารถหาน้ำมันจากที่อื่นได้โดยง่าย ขณะที่สโลวาเกียและสาธารณรัฐเชกก็แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้เช่นเดียวกัน