สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทรุดตัวลงกว่า 6% หลุดระดับ 103 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เตรียมเสนอให้มีการระงับการจัดเก็บภาษีเชื้อเพลิงเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำมันแพงในสหรัฐ
ณ เวลา 20.06 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ดิ่งลง 6.81 ดอลลาร์ หรือ 6.21% สู่ระดับ 102.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนเตรียมทำการประกาศในวันนี้เวลา 14.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 01.00 น.ตามเวลาไทย โดยเขาจะเรียกร้องสภาคองเกรสให้การอนุมัติต่อการระงับการจัดเก็บภาษีรัฐบาลกลางสำหรับน้ำมันเบนซินเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งปัจจุบันภาษีดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 18.4 เซนต์/แกลลอน โดยมีเป้าหมายที่จะลดราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในขณะนี้
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนจะเรียกร้องให้รัฐต่างๆในสหรัฐระงับการจัดเก็บภาษีเชื้อเพลิงเช่นกันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อชาวอเมริกัน
ทางด้านนางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐ เตรียมเจรจากับบริษัทโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงในสหรัฐ
กำหนดการเจรจาดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ปธน.ไบเดนได้ตำหนิบริษัทโรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐที่มีกำไรมหาศาลจากการกลั่นน้ำมัน ขณะที่ชาวอเมริกันประสบความยากลำบากจากปัญหาราคาน้ำมันแพง
"กำไรจากการกลั่นน้ำมันพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ แต่บริษัทกลับผลักภาระให้แก่ครอบครัวชาวอเมริกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ กำไรจากการกลั่นน้ำมันเบนซินและดีเซลพุ่งขึ้นถึง 3 เท่า และขณะนี้กำลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์"
"บริษัทต่างๆจะต้องดำเนินการโดยทันทีเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันเบนซิน ดีเซล และผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นประเภทอื่นๆ โดยร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในครั้งนี้" ปธน.ไบเดนระบุในจดหมายที่ส่งถึงบริษัทน้ำมันหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงเอ็กซอน โมบิล และเชฟรอน
ปธน.ไบเดนออกมาเรียกร้องดังกล่าว หลังจากที่ราคาน้ำมันเบนซินในสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุ 5 ดอลลาร์/แกลลอน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังระบุว่า รัฐบาลเตรียมใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมันและความสามารถในการกลั่นน้ำมันของสหรัฐ
ทั้งนี้ สมรรถนะในการกลั่นน้ำมันในสหรัฐได้ลดลงนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเป็นสาเหตุของการพุ่งขึ้นของราคาเชื้อเพลิงในประเทศ ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่มีการเปิดเศรษฐกิจ และประชาชนกลับมาเดินทางอีกครั้ง