สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (29 มิ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.98 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 109.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 116.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 มิ.ย. โดยระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 452,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 525,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 569,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการที่อุปทานน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มเผชิญภาวะตึงตัวมากขึ้น เนื่องจากซาอุดีอาระเบีย และ UAE กำลังผลิตน้ำมันใกล้เต็มศักยภาพแล้ว ซึ่งทำให้ทั้งสองประเทศไม่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น นอกจากนี้ ลิเบียและเอกวาดอร์กำลังเผชิญภาวะไม่สงบทางการเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยกระทบต่อการผลิตน้ำมัน
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวานนี้และจะสิ้นสุดการประชุมในวันนี้ ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า ในการประชุมครั้งนี้โอเปกพลัสจะหารือกันเกี่ยวกับการยืนยันกำลังการผลิตในเดือนส.ค. แต่จะยังไม่มีการหารือเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันในเดือนก.ย.
ส่วนในการประชุมเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 648,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ค.และส.ค. โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 432,000 บาร์เรล/วันในเดือนมิ.ย.