สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ฟื้นตัวเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากทรุดตัวลงอย่างหนักวานนี้
ณ เวลา 18.43 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 0.61 ดอลลาร์ หรือ 0.61% สู่ระดับ 100.11 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์บวก 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1.35% สู่ระดับ 104.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดตลาดวานนี้ ร่วงลง 8.93 ดอลลาร์ หรือ 8.2% สู่ระดับ 99.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ดิ่งลง 10.73 ดอลลาร์ หรือ 9.5% สู่ระดับ 102.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างทำสถิติดิ่งลงเป็นเปอร์เซ็นต์ภายในวันเดียวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการที่จีนกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ครั้งล่าสุดที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์/บาร์เรล เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ค.
ราคาน้ำมัน WTI เคยพุ่งแตะระดับ 130.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนมี.ค. หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นใกล้แตะ 140 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
ซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะทรุดตัวลงแตะระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรลในปลายปีนี้ และดิ่งลงสู่ 45 ดอลลาร์ในปลายปีหน้า หากเศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 2.1% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.0%
ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% และแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน