สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 สัปดาห์ในวันพุธ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 98.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 2.08 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 100.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.
สัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะทรุดตัวลงแตะระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรลในปลายปีนี้ และดิ่งลงสู่ 45 ดอลลาร์ในปลายปีหน้า หากเศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 2.1% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.0%
ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% และแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ข้อมูลจาก Dow Jones Market ระบุว่า ขณะที่สัญญาน้ำมัน WTI เข้าสู่ภาวะตลาดหมีแล้ว หลังจากราคาสัญญาดิ่งลงกว่า 20% จากสถิติสูงสุดที่ระดับ 123.70 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเคยทำไว้เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2565
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย
นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอลคาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ค. และคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 5 แสนบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล