สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้น 2% ในวันศุกร์ (8 ก.ค.) หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด และยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 104.79 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงเกือบ 3.4%
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.37 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 107.02 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 4.1%
ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 250,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.3%
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนจากภาวะตลาดน้ำมันตึงตัว โดยรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) บ่งชี้ว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซลลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะบ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐ