สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (11 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกว่าจีนอาจกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำมันในประเทศ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 104.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 107.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
รายงานระบุว่า หลายเมืองในจีนเตรียมใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 ที่แพร่ระบาดรอบใหม่ ซึ่งรวมถึงการระงับการดำเนินงานของภาคธุรกิจไปจนถึงการล็อกดาวน์ ขณะที่นครเซี่ยงไฮ้เตรียมตรวจหาเชื้อโควิด-19 ขนานใหญ่อีกครั้ง หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ BA.5
ส่วนกรุงปักกิ่งพบผู้ติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.5.2 และกำหนดจะใช้มาตรการบังคับฉีดวัคซีนในสัปดาห์นี้ รวมทั้งจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงานบันเทิงและแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม พร้อมทั้งกำหนดให้ต้องมีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับภาคอุตสาหกรรมและบุคลากรทางการแพทย์
ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.2% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.9%
ตัวเลขคาดการณ์ GDPNow บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวในไตรมาส 2 รุนแรงน้อยกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัว 1.6% แต่ก็แสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าเกณฑ์การเกิดภาวะถดถอย เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน พุ่งขึ้น 0.95% แตะที่ 108.0220 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น