สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (10 ส.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินลดลงมากที่สุดในรอบ 10 เดือน ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการเชื้อเพลิงในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสัญญาน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.43 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 91.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 97.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินร่วงลง 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 10 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ดี สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค.สหรัฐเพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.7% หลังจากที่พุ่งแตะระดับ 9.1% ในเดือนมิ.ย.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลง 1.11% แตะที่ 105.1960 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะช่วยให้สัญญาน้ำมันซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น