สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันอังคาร (16 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากแนวโน้มความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 2.88 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 86.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 2.76 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 92.34 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเป็นปัจจัยกดดันตลาดน้ำมันเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านดิ่งลง 9.6% ในเดือนก.ค. สู่ระดับ 1.446 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.540 ล้านยูนิต จากระดับ 1.599 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. โดยการเริ่มต้นสร้างบ้านได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และราคาวัสดุก่อสร้าง ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัทไพรซ์ ฟิวเจอร์กล่าวว่า นักลงทุนมีปฏิกริยาต่อรายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจและการใช้พลังงานของภาคครัวเรือน
ทางด้านจีนเปิดเผยยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนก.ค. ขณะที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่เหนือความคาดหมาย และสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางจีนมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศ
สำหรับข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านนั้น โฆษกของสหภาพยุโรป (EU) แถลงว่า EU ได้รับคำตอบจากอิหร่านเกี่ยวกับข้อเสนอของ EU ในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 แล้ว และทาง EU กำลังพิจารณาเนื้อหาดังกล่าว และทำการปรึกษากับทางสหรัฐ ทั้งนี้ อิหร่านได้ให้คำตอบต่อข้อเสนอของ EU เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐแสดงความยืดหยุ่นมากขึ้นในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอลคาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลเช่นกัน