สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (25 ส.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าหากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกมีความคืบหน้า ก็อาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 2.37 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 92.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.88 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 99.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐ, สหภาพยุโรป (EU) และอิหร่านยังคงดำเนินต่อไปในขณะนี้ โดยอิหร่านเปิดเผยว่าได้รับการตอบกลับจากสหรัฐเกี่ยวกับข้อเสนอสุดท้ายที่ร่างโดย EU สำหรับการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 แล้ว
ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่า หากการเจรจามีความคืบหน้าและสหรัฐยอมประนีประนอมต่อข้อเรียกร้องของอิหร่าน ก็อาจจะเปิดทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาดได้อีกครั้ง
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 60.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 39.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ซึ่งเริ่มขึ้นแล้วเมื่อวานนี้ และจะสิ้นสุดลงในวันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
สำหรับหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ "Reassessing Constraints on the Economy and Policy" โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ (26 ส.ค.) เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย