สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันอังคาร (6 ก.ย.) ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 3% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและจีนยังคงล็อกดาวน์เมืองสำคัญนั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 86.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 2.91 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 92.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันหลังจากจีนยังคงล็อกดาวน์เมืองสำคัญ โดยเมืองเฉิงตูซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ประกาศขยายเวลาการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนที่เมืองกุ้ยหยาง ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลกุ้ยโจว สั่งล็อกดาวน์ชุมชนใน 6 เขตจากทั้งหมด 10 เขต โดยเมืองกุ้ยหยางมีประชาชนอาศัยอยู่ประมาณ 6.1 ล้านคน และเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่งซึ่งรวมถึงบริษัทจีลี ออโตโมบิล โฮลดิ้งส์
ขณะเดียวกันการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.35% สู่ระดับ 110.2140 เมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางขนาดใหญ่ทั่วโลก โดยนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 8 ก.ย. และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกันในการประชุมวันที่ 21 ก.ย.
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการล็อกดาวน์และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางได้สกัดปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติลดกำลังการผลิต 100,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับลดกำลังการผลิตเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 เพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาดโลก