สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (8 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาน้ำมันร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่รัสเซียขู่ว่าจะระงับการส่งออกน้ำมันและก๊าซให้กับชาติตะวันตก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 83.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 89.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะระงับการจัดส่งพลังงานโดยสิ้นเชิงให้แก่ชาติตะวันตก หากมีการใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย
"เราจะยกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับชาติตะวันตก และเราจะยุติการจัดส่งพลังงานโดยสิ้นเชิง หากมีการใช้มาตรการที่ขัดต่อผลประโยชน์ของเรา โดยเราจะไม่ส่งก๊าซ น้ำมัน ถ่านหิน หรือพลังงานใดๆ" ปธน.ปูตินกล่าวในการประชุมเศรษฐกิจตะวันออก (Eastern Economic Forum) ที่เมืองวลาดิวอสต็อก ประเทศรัสเซีย
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา รัฐมนตรีคลังของประเทศกลุ่ม G7 เห็นพ้องที่จะใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะบั่นทอนฐานะทางการคลังของรัสเซีย เพื่อไม่ให้รัสเซียนำรายได้ไปสนับสนุนการทำสงครามกับยูเครน โดยมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซียจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธ.ค. 2565 และจะบังคับใช้ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในวันที่ 5 ก.พ. 2566
ทั้งนี้ แรงซื้อเก็งกำไรและข่าวรัสเซียขู่ระงับการส่งน้ำมันให้ชาติตะวันตก เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันปิดในแดนบวก และช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 8.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 250,000 บาร์เรล