สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (14 ก.ย.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 88.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 94.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า ประชาชนจะเปลี่ยนจากการใช้ก๊าซมาเป็นการใช้น้ำมันเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการทำความร้อนในช่วงฤดูหนาวนี้ โดยคาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันโดยเฉลี่ยในเดือนต.ค. 2565 จนถึงเดือนมี.ค. 2566 จะอยู่ที่ 700,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันยังคงแข็งแกร่งในปี 2565 และ 2566 โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่
ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก และยังช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว อันเนื่องมาจากการที่สหภาพยุโรป (EU) เตรียมคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียในวันที่ 5 ธ.ค. ขณะที่ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านกำลังเผชิญความไม่แน่นอน หลังชาติตะวันตกแสดงความไม่มั่นใจต่อความจริงใจของอิหร่านในการรื้อฟื้นข้อตกลงดังกล่าว โดยหากการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านประสบความล้มเหลว ก็จะทำให้อิหร่านไม่สามารถกลับมาส่งออกน้ำมันในตลาดโลก