สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุด WTI หลุดระดับ 81 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์หลุด 88 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย และส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
ณ เวลา 18.43 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 2.70 ดอลลาร์ หรือ 3.23% สู่ระดับ 80.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลบ 2.70 ดอลลาร์ หรือ 2.98% สู่ระดับ 87.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายสตีฟ แฮงค์ ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้นส์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ 80% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากเฟดยังคงใช้มาตรการปรับลดขนาดงบดุล (QT) ต่อไป
นายแฮงค์กล่าวว่า เฟดเป็นต้นเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาทะยานขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคเต็มใจจ่ายมากขึ้นสำหรับการซื้อสินค้า
ส่วนผลการสำรวจของสำนักข่าว CNBC พบว่า นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้ 52% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยว่า การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะหยุดชะงักลงในไตรมาส 4 โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน และกลุ่มประเทศในองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)