สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (27 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่า พายุเฮอร์ริเคนเอียน (Ian) กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้อ่าวเม็กซิโก ขณะที่บริษัทพลังงานหลายแห่งสั่งอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2.21 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 86.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
บริษัทบีพีและเชฟรอน สองบริษัทพลังงานรายใหญ่ของโลกประกาศปิดแท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนเอียนที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้อ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำมันนอกชายฝั่งของสหรัฐ
ทั้งนี้ บีพีได้ทำการอพยพบุคลากรออกจากแท่นนาคิกา (Na Kika) ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมัน 130,000 บาร์เรล/วัน และจากแท่นธันเดอร์ ฮอร์ส (Thunder Horse) ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำมัน 250,000 บาร์เรล/วัน
ขณะที่เชฟรอนได้อพยพบุคลากรออกจากแท่นปิโตรเนียส (Petronius) และแท่นบลายด์ เฟธ (Blind Faith) และสั่งปิดการผลิตที่แท่นขุดเจาะทั้งสองแห่งนี้แล้ว โดยแท่นปิโตรเนียสและบลายด์ เฟธสามารถผลิตน้ำมันได้รวมกันในปริมาณ 105,000 บาร์เรล/วัน และผลิตก๊าซได้ในปริมาณ 90 ล้านลูกบากศ์ฟุต/วัน
ข้อมูลจากสำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ (Bureau of Safety and Environmental Enforcement - BSEE) ระบุว่า ณ วันอังคารที่ 27 ก.ย. การผลิตน้ำมันประมาณ 11% และการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 8.56% ในอ่าวเม็กซิโกได้ปิดทำการเพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนเอียน
นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 5 ต.ค. โดยคาดว่าที่ประชุมจะมีมติลดกำลังการผลิตเพื่อหนุนราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบซึ่งรายงานโดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอลคาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 ก.ย.