สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร (4 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ในการประชุมวันนี้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อในตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 2.89 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 86.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. 2565
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.94 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 91.80 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2565
สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ในการประชุมวันนี้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า โอเปกพลัสกำลังพิจารณาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วันสำหรับเดือนพ.ย. ซึ่งจะเป็นการปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563 หรือนับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด
ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โอเปกพลัสกำลังพิจารณาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากถึง 2 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลง 1.5% สู่ระดับ 110.0690 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา