สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (10 ต.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งเศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณถดถอย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.51 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 91.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.73 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 96.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ผลสำรวจล่าสุดของไฉซินระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ย.ของจีนลดลงสู่ระดับ 49.3 จากระดับ 55.0 ในเดือนส.ค. เนื่องจากมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่ออุปทานและอุปสงค์ รวมถึงจำกัดการเดินทางทั่วประเทศ
ดัชนี PMI ที่อยู่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการอยู่ในภาวะหดตัว และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่ภาคบริการของจีนหดตัวลง
ทั้งนี้ การชะลอตัวของจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ ได้สร้างความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก หลังจากที่ถูกกดดันอยู่ก่อนแล้วจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับปัจจัยลบจากการที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งรวมถึงนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก ยังคงสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็ตาม
นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และสงครามในยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ