สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (17 ต.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 85.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 91.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 86 ดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัดฉีดสภาพคล่องจำนวนมากเข้าสู่ตลาดเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าจีนยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยและส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย.และธ.ค. หลังการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สูงเกินคาด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 8.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3%
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.6% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.5% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเดือนที่ 2