สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (25 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการแสดงความเห็นเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวของผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานสากล (IEA)
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 85.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 93.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.9% สู่ระดับ 110.9500 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นหลังจากนายฟาตีห์ ไบรอล ผู้อำนวยการบริหารของ IEA เตือนว่า ตลาดก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ตึงตัว และการที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ปรับลดกำลังการผลิตลงนั้น ได้ส่งผลให้โลกเผชิญวิกฤตพลังงาน
นายไบรอลกล่าวในระหว่างการประชุมสัปดาห์พลังงานสากลของสิงคโปร์ (Singapore International Energy Week) เมื่อวานนี้ว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัส ได้ตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรลต่อวันนั้น ทำให้ตลาดน้ำมันโลกมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะตึงตัว โดย IEA คาดว่าการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ที่ระดับราว 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้
นอกจากนี้ นายไบรอลกล่าวว่า การที่ยุโรปนำเข้าก๊าซ LNG เพิ่มขึ้นท่ามกลางวิกฤตการณ์สงครามในยูเครน และความต้องการใช้เชื้อเพลิงในจีนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นนั้น จะส่งผลให้ตลาดเผชิญภาวะตึงตัว โดยจะมีก๊าซ LNG ล็อตใหม่เข้าสู่ตลาดเพียง 2 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตรในปีหน้า
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ต.ค.