สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (27 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ของสหรัฐที่ขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 89.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 96.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับ GDP ประจำไตรมาส 3 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3%
ตัวเลข GDP ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจาก GDP หดตัวลง 1.6% ในไตรมาส 1 และหดตัว 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกใกล้จะสิ้นสุดวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 5.1 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ในประเทศจีน โดยนักลงทุนต่างชาติแห่เทขายหุ้นในตลาดหุ้นจีนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์และวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์