สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (7 พ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการเปิดประเทศของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 82 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 91.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 65 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 97.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บรรดาผู้นำจีนกำลังพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ หลังจากที่ใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมโควิด-19 มาเป็นเวลานาน แต่กระบวนการเปิดประเทศจะเป็นไปอย่างช้า ๆ และไม่มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน
ทางด้านนายหู เซียง เจ้าหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (NHC) เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (5 พ.ย.) ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วประเทศทำให้จีนยังคงต้องยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และระบุว่าการใช้นโยบายดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด
ทั้งนี้ คำกล่าวของนายหูถือเป็นการดับความฝันของนักลงทุน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า จีนจะผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และอาจจะทำการเปิดประเทศในเดือนมี.ค. 2566
อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาดในระหว่างวัน โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองเงินสกุลอื่น ๆ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่จีนเพิ่มการนำเข้าน้ำมันดิบ และการคาดการณ์ที่ว่าตลาดน้ำมันจะเผชิญภาวะตึงตัวเมื่อสหภาพยุโรป (EU) บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันดิบรัสเซียในวันที่ 5 ธ.ค.นี้
สำนักงานศุลกากรของจีนเปิดเผยว่า จีนนำเข้าน้ำมันดิบ 10.16 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย.