สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพุธ (9 พ.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจีน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 3.08 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 85.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.71 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 92.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 700,000 บาร์เรล
ขณะที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 5.618 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
ตลาดน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากความกังวลที่ว่าจีนจะใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อไป หลังพบการแพร่ระบาดในหลายเมือง โดยรายงานระบุว่าประชาชนหลายล้านคนในมณฑลกว่างโจวของจีนต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อวานนี้ หลังพบว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 2,000 รายเป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน
ส่วนที่กรุงปักกิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงของจีน พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 เดือน โดยมีรายงานว่าอาคารกว่า 10 แห่งและประชาชนในเขตเฉาหยางซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางกรุงปักกิ่งได้ถูกล็อกดาวน์แล้ว หลังจากพบการติดเชื้อจำนวนมาก โดยประชาชนถูกสั่งห้ามออกจากที่อยู่อาศัยจนกว่าจะได้รับการตรวจเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ การที่จีนยังคงต่อสู้กับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงกรุงปักกิ่ง ได้ดับความหวังที่ว่าจีนจะผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมัน โดยทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ