สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันจันทร์ (14 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าจีนจะใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังพบการติดเชื้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 3.09 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 85.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.85 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 93.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) เปิดเผยว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย.จำนวน 16,203 ราย เพิ่มขึ้นจากระดับ 14,878 รายของวันเสาร์ที่ 12 พ.ย. ขณะที่ผู้ติดเชื้อในกรุงปักกิ่งและอีกหลายเมืองพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ที่ 14 พ.ย.
นักลงทุนกังวลว่า การพุ่งขึ้นของยอดติดเชื้อโควิด-19 จะทำให้รัฐบาลจีนตัดสินใจใช้มาตรการล็อกดาวน์เพิ่มอีกในระยะใกล้นี้ และเป็นการดับความหวังที่ว่าจีนจะเปิดประเทศ หลังจากที่จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ด้วยการลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ และยกเลิกค่าปรับต่อสายการบิน ในกรณีที่พบผู้โดยสารติดเชื้อโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.34% แตะที่ 106.6590 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ โดยสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้