สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยในวันจันทร์ (21 พ.ย.) หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า ซาอุดีอาระเบียและสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กำลังหารือกันเกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิต
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 79.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.19% ปิดที่ 87.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงกว่า 5 ดอลลาร์ แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากรัฐมนตรีของกลุ่มโอเปกซึ่งระบุว่า ซาอุดีอาระเบียและสมาชิกโอเปกกำลังหารือกันเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วันในการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 ธ.ค.นี้
แต่สัญญาน้ำมันดิบลดช่วงลบในเวลาต่อมา หลังจากเจ้าชายอับดูลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบียได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล โดยยืนยันว่า ซาอุดีอาระเบียและสมาชิกของโอเปกไม่ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิตแต่อย่างใด
สำหรับปัจจัยลบอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบตลาดน้ำมันนั้น รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน โดยกรุงปักกิ่งรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 2 รายในวันอาทิตย์ (20 พ.ย.) และพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 951 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดของปักกิ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2564 ส่งผลให้มีการล็อกดาวน์เขตต่าง ๆ ในปักกิ่ง ซึ่งได้แก่เขตเฉาหยาง เขตไห่เตี้ยน เขตตงเฉิง และเขตซีเฉิง
นอกจากนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.85% แตะที่ระดับ 107.8350 เมื่อคืนนี้