สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันศุกร์ (25 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงนั้น ยังคงถ่วงตลาดลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.13% ปิดที่ 76.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 4.78% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 83.63 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 4.55% ในรอบสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันยังคงถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีน จะทำให้มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน
บรรดานักวิเคราะห์คาดว่าการซื้อขายในตลาดจะยังคงเบาบางก่อนถึงวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งกลุ่ม G7 และพันธมิตรมีกำหนดบังคับใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย
ทั้งนี้ การกำหนดเพดานราคาน้ำมันดังกล่าวถือเป็นมาตรการลงโทษต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ. ซึ่งเมื่อมีการประกาศใช้จะทำให้บริษัทเดินเรือ บริษัทประกันวินาศภัย และบริษัทประกันภัยต่อ ไม่สามารถให้บริการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งคาร์โกน้ำมันรัสเซียที่มีราคาสูงกว่าเพดานที่ G7 และพันธมิตรกำหนดไว้
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรหรือโอเปกพลัสในวันที่ 4 ธ.ค. หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียปฏิเสธรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ซึ่งระบุว่า โอเปกพลัสกำลังหารือกันเกี่ยวกับการลงมติเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วันในการประชุมดังกล่าว