สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (28 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตร (โอเปกพลัส) จะปรับลดกำลังผลิตน้ำมันลงอีกในการประชุมวันที่ 4 ธ.ค.
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 1.26% ปิดที่ 77.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 44 เซนต์ หรือ 0.53% ปิดที่ 83.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จากบริษัทยูเรเซีย กรุ๊ป ระบุในรายงานเมื่อวานนี้ว่า ความต้องการใช้น้ำมันที่อ่อนแอลงในประเทศจีนอาจจะส่งผลให้กลุ่มโอเปกพลัสตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีกในการประชุมวันที่ 4 ธ.ค.นี้ หลังจากที่ได้ปรับลดไปแล้วในการประชุมเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การคาดการณ์ดังกล่าวได้ช่วยหนุนราคาน้ำมัน WTI ฟื้นตัว หลังจากราคาร่วงลงแตะระดับ 73.60 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564 อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงในจีน
ชาวจีนต่างพากันลุกฮือประท้วงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาล โดยมีการรวมตัวกันบนท้องถนนในเมืองต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเมืองเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง เมืองอู่ฮั่น เฉิงตู ซีอาน และนานกิง เพื่อแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ขณะที่ผู้ประท้วงบางกลุ่มเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออกจากตำแหน่ง
นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนยังคงย่ำแย่ โดยคณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) เปิดเผยว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 40,347 รายในวันอาทิตย์ (27 พ.ย.) ซึ่งเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้นจากระดับ 39,791 รายของวันเสาร์ (26 พ.ย.)
นักลงทุนจับตาการเจรจาของสหภาพยุโรป (EU) เกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียในกรอบ 65-70 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งขณะนี้ยังคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลง และคาดว่าจะมีการเจรจาต่อไปในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ธ.ค.