สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ (7 ธ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์เชื้อเพลิงในสหรัฐ หลังจากตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.24 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 72.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2564
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 2.18 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 77.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2564
สัญญาน้ำมันร่วงลง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 5.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.9 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล พุ่งขึ้น 6.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 2.6 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลที่ว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยและจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ ขณะที่การคาดการณ์ส่วนใหญ่บ่งชี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันในการประชุม 4 ครั้งที่ผ่านมา