สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวแคบในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ หลังการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วานนี้
ณ เวลา 20.03 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 0.05 ดอลลาร์ หรือ 0.06% สู่ระดับ 77.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรในตลาด หลังราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 2.5% วานนี้ขานรับคาดการณ์อุปสงค์ฟื้นตัวในปีหน้า
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันตลาดโลกในปีหน้า โดยได้ปัจจัยบวกจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและจีน
ทั้งนี้ ในรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนธ.ค. โอเปกระบุว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.8 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากภาวะผ่อนคลายด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการที่จีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
โอเปกยังระบุว่า อุปสงค์น้ำมันในสหรัฐจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานระบุว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นในปี 2566 จากภาวะน้ำมันตึงตัว หลังชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะที่อุปสงค์น้ำมันสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์
IEA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันของรัสเซียจะลดลง 14% สู่ระดับ 9.6 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งหากเป็นจริงตามคาด ก็จะทำให้ราคาสัญญาน้ำมันพลิกดีดตัวขึ้นสวนกระแสที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ IEA คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.6 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้แรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันจากอินเดียและจีน