สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (19 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระหว่างวัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 75.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 79.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นหลังจากปิดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยตลาดได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า การเปิดประเทศของจีนและการที่รัฐบาลจีนวางแผนใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2566 จะช่วยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันให้ฟื้นตัวขึ้น
ในการประชุมคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 15-16 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้ให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูการอุปโภคบริโภคและสนับสนุนภาคเอกชน ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า สัญญาณดังกล่าวบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าเป้าหมายสำคัญสำหรับปี 2566 ของรัฐบาลจีนคือการกระตุ้นตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยจีนมีแนวโน้มที่จะกำหนดเป้าการขยายตัวของ GDP ที่ 5% ขึ้นไป
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า กระทรวงพลังงานสหรัฐจะซื้อน้ำมัน 3 ล้านบาร์เรลเพื่อนำเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) โดยน้ำมันดังกล่าวมีกำหนดส่งมอบในเดือนก.พ. 2566
อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันในระหว่างวัน จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว และส่งสัญญาณว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป