สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (9 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า การเปิดประเทศของจีนจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 74.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.08 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 79.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทางการจีนเริ่มเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออกตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการสิ้นสุดนโยบายซีโร่โควิดที่จีนบังคับใช้มาเป็นเวลานานเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 โดยจีนคาดว่าการเปิดประเทศจะทำให้มีทริปการเดินทางท่องเที่ยวมากถึง 2 พันล้านทริปในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีที่แล้ว และคิดเป็น 70% ของทริปการเดินทางท่องเที่ยวในปี 2562
ตลาดยังได้แรงหนุน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยผลสำรวจประจำเดือนธ.ค.พบว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าในช่วง 1 ปีข้างหน้า อัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2564 และต่ำกว่าระดับ 5.2% ที่มีการสำรวจในเดือนพ.ย. ขณะเดียวกันผู้บริโภคคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะ 3 ปีข้างหน้าที่ระดับ 3.0% และระยะ 5 ปีข้างหน้าที่ระดับ 2.4%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.85% แตะที่ระดับ 103.0010 เมื่อคืนนี้ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ