สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (23 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมัน WTI พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ในระหว่างวัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 81.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือ 0.64% ปิดที่ 88.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นแตะระดับ 82.64 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2565 อย่างไรก็ดี นักลงทุนส่งแรงขายทำกำไรเข้ามาในช่วงท้ายตลาด ซึ่งส่งผลให้สัญญาน้ำมัน WTI ปิดในแดนลบ
สำหรับปัจจัยที่ทำให้สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระหว่างวันนั้น มาจากความหวังที่ว่าการเปิดประเทศของจีนจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า การเดินทางภายในประเทศของจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 โดยการจราจรบนถนนในเมืองสำคัญ 15 แห่งมีความคับคั่งขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว บ่งชี้ถึงการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก
ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า ตลาดพลังงานจะเผชิญภาวะตึงตัวมากขึ้นในปีนี้ อันเนื่องมาจากอุปสงค์พุ่งขึ้นจากการที่จีนเปิดประเทศ และอุปทานที่ลดลงจากการที่รัสเซียเผชิญมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐและชาติตะวันตก
ทั้งนี้ IEA คาดว่าการผลิตน้ำมันของรัสเซียจะลดลง 14% สู่ระดับ 9.6 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2566 และคาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.6 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันจากจีนและอินเดีย
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพุธนี้ เวลาประมาณ 22.30 น.ตามเวลาไทย