สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (24 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย รวมทั้งรายงานที่บ่งชี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ร่วงลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 80.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ดิ่งลง 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 86.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลง หลังจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ม.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 22.30 น.ตามเวลาไทย เพื่อยืนยันตัวเลขของ API
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสัญญาณที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย โดยเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 46.6 ในเดือนม.ค. จากระดับ 45.0 ในเดือนธ.ค. แต่ดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 7
ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศสมาชิกสภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ในปี 2566 จะขยายตัวเพียงครึ่งหนึ่งของปี 2565 เนื่องจากรายได้จากน้ำมันได้รับผลกระทบจากภาวะอุปสงค์และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก โดยกลุ่ม GCC ประกอบไปด้วย 6 ประเทศซึ่งได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน
นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าที่ประชุมจะคงการผลิตเอาไว้ที่ระดับปัจจุบัน