สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันพุธ (25 ม.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 80.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 86.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 1% ทะลุระดับ 81 ดอลลาร์ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 500,000 บาร์เรล สู่ระดับ 448.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล
แต่สัญญาน้ำมันดิบอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสัญญาณที่บ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐในเดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 46.6 ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้นจากระดับ 45.0 ในเดือนธ.ค. แต่ดัชนี PMI ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 7
นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า ที่ประชุม JMMC จะมีมติให้โอเปกพลัสคงนโยบายปัจจุบันในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566