สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (10 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากความกังวลว่าตลาดน้ำมันจะตึงตัว หลังจากรัสเซียประกาศแผนการที่จะปรับลดการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.13% ปิดที่ 79.72 ดอลลาร์/บาร์เรล และเพิ่มขึ้น 8.6% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.89 ดอลลาร์ หรือ 2.24% ปิดที่ 86.39 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 8.1% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุน หลังนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า รัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. หรือคิดเป็น 5% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด
ขณะเดียวกัน นายโนวัคกล่าวว่า รัสเซียจะไม่จำหน่ายน้ำมันให้แก่ชาติที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมในการกำหนดเพดานราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันของรัสเซีย
นายโนวัคระบุว่า การกำหนดเพดานราคาดังกล่าวถือเป็นการแทรกแซงความสัมพันธ์ในตลาด และเป็นนโยบายของชาติตะวันตกในการทำลายตลาดพลังงาน
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีน และการที่ตุรกีสั่งปิดท่าเรือเจย์ฮันหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ โดยท่าเรือเจย์ฮันนั้นเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่ส่งออกน้ำมันดิบมากกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค. หรือคิดเป็น 1% ของปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก และส่วนใหญ่มีการส่งไปยังโรงกลั่นน้ำมันในยุโรป