สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (13 ก.พ.) โดยตลาดยังคงได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัสเซียประกาศแผนปรับลดการผลิตน้ำมัน เดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้ และรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 80.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 86.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. หรือคิดเป็น 5% ของปริมาณการผลิตทั้งหมด
นอกจากนี้ นายโนวัคกล่าวว่า รัสเซียจะไม่จำหน่ายน้ำมันให้แก่ชาติที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมในการกำหนดเพดานราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันของรัสเซีย โดยระบุว่าการกำหนดเพดานราคาดังกล่าวถือเป็นการแทรกแซงความสัมพันธ์ในตลาด และเป็นนโยบายของชาติตะวันตกในการทำลายตลาดพลังงาน
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังมีรายงานว่าตุรกีกลับมาส่งออกน้ำมันจากคลังน้ำมันเจย์ฮัน ซึ่งทำให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว โดยก่อนหน้านี้ตุรกีได้สั่งปิดคลังน้ำมันเจย์ฮัน หลังได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 6 ก.พ.
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 6.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 6.5% ในเดือนธ.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 5.4% ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 5.7% ในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้นักลงทุนยังรอดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้