สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (16 ก.พ.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบที่สูงเกินคาดของสหรัฐ รวมทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 78.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 85.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยตลาดยังคงถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่พุ่งขึ้น 16.3 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 471.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564
สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 194,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียเปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับ -24.3 ในเดือนก.พ. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -7.4 จากระดับ -8.9 ในเดือนม.ค. โดยดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6
เคร็ก เออร์แลม นักวิเคราะห์จากบริษัท OANDA กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันเป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบที่สูงเกินคาดและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกันตลาดก็ได้ปัจจัยหนุนจากข่าวรัสเซียเตรียมปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เชื่อมั่นว่า การเปิดประเทศของจีนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมัน โดย IEA คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.9 ล้านบาร์เรล/วัน