สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (21 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 76.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.21% ปิดที่ 83.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ดิ่งลง 4.2% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดสนับสนุนให้คณะกรรมการเฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ที่กล่าวว่า เขาไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. วลาดิเมียร์ เซอร์นอฟ นักวิเคราะห์จากบริษัท FX Empire กล่าวว่า นักลงทุนวิตกกังวลว่าการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปและเป็นเวลานานเกินไป อาจจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ข้อมูลล่าสุดของ FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค., พ.ค. และมิ.ย. ครั้งละ 0.25% สู่ระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.31% แตะที่ 104.1723 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันพุธที่ 22 ก.พ. และข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพฤหัสบดีที่ 23 ก.พ.