สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (28 ก.พ.) ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในจีนจะฟื้นตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1.81% ปิดที่ 77.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 83.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเกือบ 2% ท่ามกลางความหวังที่ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก จะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันในประเทศจีนจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 900,000 บาร์เรล/วันในปีนี้
ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในจีนฟื้นตัว และการผลิตน้ำมันในรัสเซียปรับตัวลดลง โดยเมื่อไม่นานมานี้รัสเซียประกาศว่าจะลดการส่งออกน้ำมันจากท่าเรือตะวันตกจำนวน 25% ในเดือนมี.ค.
อย่างไรก็ดี ตลอดทั้งเดือนก.พ. สัญญาน้ำมัน WTI ร่วงลง 2.5% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลง 0.7% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการของจีนในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 24 ก.พ.